นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(Personal Data Privacy Policy)
ข้อ 1. ทั่วไปตามที่ท่าน และ K-nex ได้มีนิติสัมพันธ์ต่อกันทางนิติกรรม ธุรกรรม หรือด้วยวิธีอื่นใดไม่ว่าจะเป็นด้านการเจรจาด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร เช่น พูดคุย จดหมายอิเล็กทรอกนิกส์ (E-mail) ไลน์ (Line) เป็นต้น หรือเป็นหนังสือ สัญญา บันทึกต่าง ๆ หรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเสนอราคา ใบจอง สัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ สัญญาให้บริการ สัญญาซื้อขาย สัญญาว่าจ้าง ประกาศ กฎ ระเบียบข้อบังคับ คู่มือ คำแนะนำ เอกสารแนบท้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดการไลฟ์สด (Live) วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย
เนื่องด้วย K-nex ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่ง K-nex รับทราบและเข้าใจดีว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ให้ความยินยอมให้ไว้แก่ K-nex นั้นถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ
ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ให้ความยินยอมว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มอบให้ไว้แก่ K-nex จะถูกเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ หรือตามที่กำหนดไว้ในในนิติสัมพันธ์ รวมถึงเพื่อให้ทราบถึงสิทธิ และหน้าที่ของเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง K-nex จึงจำเป็นต้องจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ขึ้นมา
ทั้งนี้ K-nex ขอขอบคุณท่านที่กรุณาให้ความไว้วางใจแก่ K-nex ในการให้ความยินยอมให้เก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน K-nex ขอรับรองว่าจะดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยความระมัดระวัง และสมเหตุสมผลที่สุด
ข้อ 2. นิยามเว้นแต่จะถูกกำหนดไว้ หรือเรียกเป็นอย่างอื่น หรือมีความหมายเป็นอย่างอื่น ให้คำดังต่อไปนี้ ตราบเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ในส่วนของคำนิยามอื่นใดที่ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ ให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
K-nex | หมายถึง | บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด |
ผู้ให้ความยินยอม | หมายถึง | บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีนิติสัมพันธ์กับ K-nex ไม่ว่าจะทางด้านการทำ ธุรกรรม หรือนิติกรรมร่วมกัน รวมถึงบุคคลที่ให้ความยินยอมให้ผู้ให้ ความยินยอมเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลด้วย และ/หรือ ตัวแทน |
นิติสัมพันธ์ | หมายถึง | นิติกรรม ธุรกรรม หรือการอื่นใดระหว่าง K-nex กับผู้ให้ความยินยอม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเจรจาด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร เช่น จดหมายอิเล็กทรอกนิกส์ (E-mail) ไลน์ (Line) เป็นต้น หรือเป็นหนังสือ สัญญา บันทึกต่าง ๆ หรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเสนอราคา ใบจอง สัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ สัญญา ให้บริการ สัญญาซื้อขาย สัญญาว่าจ้าง ประกาศ กฎ ระเบียบข้อบังคับ คู่มือ คำแนะนำ เอกสารแนบท้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดการไลฟ์สด (Live) วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย และ/หรือการเข้าชมด้วย |
พันธมิตร | หมายถึง | บริษัทอื่นใดนอกเหนือจาก K-nex ซึ่ง K-nex มีนิติสัมพันธ์ ไม่ว่าจะ ทางด้านการทำธุรกรรม หรือนิติกรรมร่วมกันว่า จะเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ความยินยอม |
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | หมายถึง | พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ใดที่เกี่ยวข้อง |
3.1. ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอม ให้ K-nex เก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ความยินยอม ที่ K-nex ได้รับจากผู้ให้ความยินยอม ไม่ว่าทั้งทางตรง ทางอ้อม จากแหล่งข้อมูลอื่น หรือจากพันธมิตรของ K-nex ก็ได้ โดยไม่คำนึงว่า K-nex จะได้รับมาด้วยวิธีใด หรืออยู่ในขั้นตอนใด
3.2. ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอม ให้ K-nex เก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวอันเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (Location Data) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อผู้ให้ความยินยอมตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ที่ K-nex ได้รับจากผู้ให้ความยินยอม ไม่ว่าทั้งทางตรง ทางอ้อม จากแหล่งข้อมูลอื่น หรือจากพันธมิตรของ K-nex ก็ได้ โดยไม่คำนึงว่า K-nex จะได้รับมาด้วยวิธีใด หรืออยู่ในขั้นตอนใด
3.3. ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอมต่อ K-nex ว่าผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้มีสิทธิให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ K-nex เช่น การค้ำประกัน บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลติดต่อประสานงาน ผู้รับรอง ผู้ใช้อำนาจทางปกครอง หรือผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ให้ความยินยอมตกลง และยอมรับว่าได้แจ้ง และได้รับความยินยอมจากบุคคลตามวรรคก่อนนี้ ให้ K-nex เก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นทราบว่าได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลต่อ K-nex เพื่อเก็บรวมรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
อย่างไรก็ดี หากบุคคลอื่นนั้นปฏิเสธ ห้ามมิให้ผู้ให้ความยินยอมนำข้อมูลส่วนบุคคลอื่นนั้นมาใช้กับ K-nex ผู้ให้ความยินยอมตกลง และยอมรับว่าจะแจ้งให้ K-nex ทราบเป็นหนังสือ และกรณีที่ผู้ให้ความยินยอมได้ให้หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นนั้นแล้ว ให้ถือว่าบุคคลอื่นนั้นให้ความยินยอมต่อ K-nex ในการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ตามวัตถุประสงค์นั้นด้วยแล้ว
3.4. กรณีผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้เยาว์ ผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ จะกระทำการให้ความยินยอมได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจทางปกครอง หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจแล้วแต่กรณี
3.5. ในการเก็บรวบรวมนั้น K-nex อาจไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่านก็ได้ และขอท่านโปรดศึกษาสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
ข้อ 4. วัตถุประสงค์การเก็บรวมรวบ ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล4.1. วัตถุประสงค์ทั่วไป : ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ความยินยอมจะถูกเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์ ในการใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง หลักฐาน การตรวจสอบ วิเคราะห์ ทำการตลาด การใช้สิทธิเรียกร้อง การติดต่อ การยืนยันตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ การยืนยันตัวตน ประกอบการพิจารณา เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ประกอบคำขอต่าง ๆ หรือประกอบการใช้งานแอปพลิเคชั่น และ/หรือเว็ปไซต์ ซึ่งผู้ให้ความยินยอมได้ให้ไว้ต่อ K-nex ณ ก่อน ระหว่าง หรือภายหลังวันที่ให้ความยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลต่อ K-nex ตามนิติสัมพันธ์ (ในทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ มีหรืออาจมีมากกว่านี้ เพียงแต่ K-nex จะขอยกตัวอย่างของวัตถุประสงค์ทั่วไปไว้เพียงเท่านี้)
4.2. วัตถุประสงค์เฉพาะ : ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ความยินยอมจะถูกเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยเป็นกรณี ๆ ไป อันเป็นไปตามนิติสัมพันธ์หลักที่มีต่อกัน (ซึ่งอาจเป็นนิติสัมพันธ์ระหว่าง K-nex กับพันธมิตรก็ได้)
4.3. ภายใต้วัตถุประสงค์ตามข้อ 4.1. และ/หรือ 4.2. K-nex จะเก็บรวมรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ให้ความยินยอมต่อพันธมิตร (ทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ) หรือบุคคลภายในของ K-nex ที่มีนิติสัมพันธ์ร่วมกัน หรือต่อ K-nex เอง เช่น ผู้ทำหน้าที่แทน หัวหน้างาน ผู้บริหาร เป็นต้น หรือต่อหน่วยงานรัฐ โรงพยาบาล ธนาคาร พันธมิตรของ K-nex หรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้รับจ้างของ K-nex หรือผู้รับจ้างช่วงด้วย ตลอดจนการไลฟ์ (live) บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ทั้งแบบผ่านวีดีโอ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ด้วย ตามที่จำเป็น และเหมาะสม
4.4. ภายใต้วัตถุประสงค์ตามข้อ 4.1. และ/หรือ 4.2. ในการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศนั้น ผู้ให้ความรับทราบ และยอมรับว่า นิติสัมพันธ์ระหว่าง K-nex กับผู้ให้ความยินยอมนั้น K-nex มีความจำเป็นหรืออาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลลงต่อผู้ให้บริการพื้นที่ Cloud หรือระบบ/รูปแบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีเจ้าของเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลต่างประเทศ อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างกันและ/หรือเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง โดยผู้ให้ความยินยอมมีความประสงค์จะขอให้ K-nex เก็บรวมรวบ ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และ K-nex ยินยอมที่จะดำเนินการตามคำขอของผู้ให้ความยินยอม และ K-nex จะจัดหาผู้ให้บริการพื้นที่ Cloud ที่เป็นสากล และมีระบบรักษาความปลอดภัย และผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลยอมรับความเสี่ยงที่อาจถูกโจรกรรมข้อมูลได้ โดยจะสละสิทธิตามกฎหมายทั้งทางแพ่ง ทางปกครอง และทางอาญา รวมทั้งไม่เรียกร้องความเสียหายใด ๆ กับ K-nex
ข้อ 5. เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอม ให้ K-nex เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ตราบเท่าระยะเวลาที่ K-nex เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสม ภายใต้วัตถุประสงค์ตามข้อ 4. ซึ่งโดยทั่วไป K-nex จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ความยินยอมไว้นับตั้งแต่วันที่ผู้ให้ความยินยอมได้ให้ความยินยอมเป็นต้นไป และนับต่อไปอีกไม่เกิน 10 (สิบ) ปี นับตั้งแต่วันที่ยุติความสัมพันธ์กัน หรือตราบที่กฎหมายได้อนุญาตให้เก็บรักษาไว้ หรือนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาซึ่งเป็นที่สุดแล้ว แล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงหลัง
ทั้งนี้ ภายในช่วงระยะเวลา 10 (สิบ) ปี ตามวรรคก่อนนั้น K-nex อาจลบ ทำลาย หรือทำให้สูญหาย เมื่อไรก็ได้ตามที่ K-nex เห็นสมควร โดยไม่ต้องแจ้งหรือได้รับความยินยอมจากผู้ให้ความยินยอม
ข้อ 6. สิทธิของผู้ให้ความยินยอม6.1. ผู้ให้ความยินยอมสามารถถอนการให้ข้อมูลส่วนบุคคลต่อ K-nex ได้ ด้วยวิธีการทำเป็นหนังสือ ซึ่ง K-nex จะทราบต่อเมื่อ K-nex ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ การเพิกถอนดังกล่าวจะไม่มีผลใช้บังคับย้อนหลังต่อการเก็บรวบรวม โอน ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ K-nex ซึ่งได้กระทำก่อนได้รับหนังสือให้เพิกถอนจากผู้ให้ความยินยอมแต่อย่างใด
6.2. กรณีผู้ให้ความยินยอมไม่ประสงค์จะใช้สิทธิเพิกถอนการให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 6.1. นั้น ผู้ให้ความยินยอมสามารถใช้สิทธิระงับไว้เป็นการชั่วคราวได้ โดยกำหนดข้อมูลส่วนบุคคลที่จะระงับ และระยะเวลาการระงับให้ชัดเจนในหนังสือนั้น
6.3. กรณีเพิกถอนการให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 6.1. หรือการระงับชั่วคราวตามข้อ 6.2. ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของผู้ให้ความยินยอม อาจส่งผลให้ K-nex ไม่สามารถบริหารจัดการ หรือดำเนินการใด ๆ ระหว่างผู้ให้ความยินยอมกับ K-nex หรือบุคคลภายนอกได้ จนส่งผลให้ผู้ให้ความยินยอมต้องเสียสิทธิหรือประโยชน์ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงที่สุดถึงขั้นไม่สามารถผูกพันตามนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้ให้ความยินยอมได้อีกต่อไป และผู้ให้ความยินยอมตกลง และยอมรับว่า K-nex ไม่ต้องชำระค่าเสียหาย หรือค่าสินไหมทดแทนใด ๆ อันเกิดแต่การนั้นต่อผู้ให้ความยินยอม
6.4. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิขอเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ผู้ให้ความยินยอมไม่ได้ให้ความยินยอมได้ โดยแจ้งมายัง K-nex เป็นหนังสือ
6.5. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองตามที่ได้ให้ความยินยอมไว้ต่อ K-nex โดยแจ้งเป็นหนังสือมายัง K-nex ได้ ทั้งนี้ กรณีที่ K-nex ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านได้ง่ายหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงมีสิทธิดังต่อไปนี้
6.5.1. ขอให้ K-nex ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นเมื่อ สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
6.5.2. ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ K-nex ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังบริษัทอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
6.6. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตนเองได้ ด้วยการแจ้งเป็นหนังสือมายัง K-nex สำหรับในกรณีดังต่อไปนี้
6.6.1. กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้ โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามที่กฎหมาย กำหนด เว้นแต่ K-nex พิสูจน์ได้ว่า
(1) การเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น K-nex ได้แสดงให้เห็น ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
(2) การเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิ เรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
6.6.2. การเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
6.6.3. กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการ ศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อ ประโยชน์สาธารณะของ K-nex
6.7. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิขอให้ K-nex ดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้
6.7.1. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาได้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
6.7.2. เมื่อผู้ให้ความยินยอมถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และ K-nex ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไป
6.7.3. เมื่อผู้ให้ความยินยอมคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดย K-nex ไม่สามารถ ดำเนินตามข้อ 6.5.1. และ K-nex ไม่อาจปฏิเสธคำขอตามข้อ 6.6.1. ได้ หรือเป็นการคัดค้านตามข้อ 6.6.2.
6.7.4. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวมรวบ ใช้ หรือเปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล
6.8. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
6.8.1. เมื่อ K-nex อยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ผู้ให้ความยินยอมร้องขอให้ดำเนินการตามที่กฎหมาย กำหนด
6.8.2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลายตามที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้ให้ความยินยอมขอให้ระงับ การใช้แทน
6.8.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคล แต่ผู้ให้ความยินยอมมีความจำเป็นต้องให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตาม กฎหมาย
6.8.4. เมื่อ K-nex อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
6.9. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิร้องขอให้ K-nex ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หาก K-nex ไม่ดำเนินการตามคำร้องขอ K-nex จะบันทึกคำร้องขอของผู้ให้ความยินยอมพร้อมด้วยเหตุผลไว้ในรายการตามที่กฎหมายกำหนด
6.10. ผู้ให้ความยินยอมมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่ K-nex ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 7. ความรับผิด7.1. ผู้ให้ความยินยอมตกลง และยอมรับว่า กรณีที่ผู้ให้ความยินยอมได้เก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลของบุคคลอื่นต่อ K-nex ตามข้อ 2.3. โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่นซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ได้จัดส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ K-nex เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ผู้ให้ความยินยอมตกลงจะรับผิดชอบใช้ค่าเสียหาย ค่าปรับ หรือบทลงโทษต่าง ๆ แต่เพียงผู้เดียว
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ให้ความยินยอมหมดไปซึ่งสิทธิการเก็บรวบรวม ใช้ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นนั้นแล้ว ผู้ให้ความยินยอมจะต้องแจ้งให้ K-nex ทราบเป็นหนังสือโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งจัดส่งเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ K-nex ด้วย และหากผู้ให้ความยินยอมไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติผิดกฎหมาย หรือกระทำการฝ่าฝืนข้อตกลงใด ๆ ผู้ให้ความยินยอมตกลงจะรับผิดชอบใช้ค่าเสียหาย ค่าปรับ หรือบทลงโทษต่าง ๆ แต่เพียงผู้เดียว
7.2. กรณีเกิดความเสียหายใด ๆ ต่อข้อมูลส่วนบุคคล อันเกิดจากความผิดของผู้ให้ความยินยอม หรือผู้ให้ความยินยอมไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้ หรือไม่ใช่ความผิดของ K-nex ผู้ให้ความยินยอมตกลงจะรับผิดชอบใช้ค่าเสียหาย ค่าปรับ หรือบทลงโทษต่าง ๆ แต่เพียงผู้เดียว และสละสิทธิตามกฎหมายทั้งทางแพ่ง ทางปกครอง และทางอาญา รวมทั้งไม่เรียกร้องความเสียหายใด ๆ กับ K-nex
ข้อ 8. การเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข8.1. ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอมว่า กรณีที่ผู้ให้ความยินยอมมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ผู้ให้ความยินยอมจะแจ้งให้ K-nex ทราบทันที รวมถึงส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย (ถ้ามี) เพื่อให้เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ K-nex มีอยู่เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์แล้ว
8.2. K-nex อาจดำเนินการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และให้มีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้ตามวัน เวลา สถานที่ หรือวิธีการที่ K-nex กำหนดไว้ หรือกรณีที่ผู้ให้ความยินยอมยังคงมีนิติสัมพันธ์กับ K-nex ภายหลังการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข (ซึ่งรวมถึงกรณีนิติสัมพันธ์สิ้นสุดแล้วแต่ระยะเวลาตามข้อ 5. ยังมีผลใช้บังคับ) ให้ถือว่า ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และให้ความยินยอมปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขแล้ว และผู้ให้ความยินยอมตกลงติดต่อกับ K-nex เพื่อทราบถึงการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ การมีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ประกาศใช้ตามวัน เวลา สถานที่ หรือวิธีการที่ K-nex กำหนดไว้ตามวรรคก่อนนี้ ผู้ให้ความยินยอมตกลง ยอมรับ และยินยอมให้ถือปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นการใช้ครั้งล่าสุด ณ ช่วงเวลาปัจจุบันกับบุคคลใด ๆ ที่มีนิติสัมพันธ์กับ K-nex
8.3. การเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากได้กระทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย และมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขให้ลงนามโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท (ถ้ามี) ทั้งนี้ กรณีที่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ให้ K-nex เป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้แต่เพียงผู้เดียว
ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อK-nex มีช่องทางให้ผู้ให้ความยินยอมจัดส่งข้อเสนอแนะ คำติชม หรือติดต่อเพื่อการอื่นใดอันเกี่ยวกับสิทธิ และหน้าที่ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อ K-nex จะได้นำไปปรับปรุง พัฒนา คุณภาพให้ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใดตามสิทธิ และหน้าที่อันเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ให้ความยินยอมสามารถแจ้ง/จัดส่งมาได้ที่ info@K-nexwashdry.com หรือจัดส่งเอกสารหลักฐานมาที่ถึง กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 142/9 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 หมายเลขโทรศัพท์ 02-125-2397 และเพื่อประโยชน์ของการดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ถือว่า กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
ทั้งนี้ K-nex และ/หรือกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน อาจมอบหมายหรือแต่งตั้งให้บุคคลใด ๆ ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคก่อนนี้แทนก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งหรือได้รับความยินยอมใด ๆ จากผู้ให้ความยินยอม และให้ถือข้อมูลการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลเดียวกับที่ได้แจ้งไว้ตามวรรคก่อนนี้ เว้นแต่จะได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นอย่างอื่น
ข้อ 10. อื่น ๆข้อ 10.1. คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงว่า บรรดาหน้าที่ และความรับผิดชอบต่าง ๆ ให้ยึดถือนิติสัมพันธ์ที่มีต่อกันตราบเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 10.2. บรรดาข้อความใดที่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้ข้อสัญญาส่วนนั้นตกเป็นโมฆะเฉพาะส่วนนั้น และให้ส่วนอื่น ๆ ใช้บังคับได้ต่อไป และบรรดาข้อความใดในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ขัดหรือแย้งกันเอง ผู้ให้ความยินยอมตกลงให้ถือเอาคำวินิจฉัยของ K-nex เป็นที่สุด
ข้อ 10.3. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ผู้ให้ความยินยอมได้ให้ความยินยอมเป็นต้นไป และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทุกนิติสัมพันธ์ที่คู่สัญญามีต่อกัน
ข้อ 10.4. บรรดาข้อตกลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรก่อนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้บังคับ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้ข้อตกลงที่เกิดขึ้นด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรนั้น สิ้นผลใช้บังคับ และให้ยึดถือตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แทน
ข้อ 10.5. คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงว่า บรรดาสิทธิ หรือหน้าที่ใด ๆ ที่กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่ไม่ได้ถูกระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้ถือปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทุกประการ